yongyuthyang.blogspot.com

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คาดหวังกับสมาคมม้ง

เรียน  คุณจิรินดา



ก่อน อื่นต้องขอขอบคุณสำหรับการบ่น ของคณในครั้งนี้ ซึ่งท้าทายต่อผู้นำองค์กรอย่างสมาคมม้งมากเป็นอย่างยิ่ง ความจริงในวันนี้กรรมการสมาคมม้งมีการประชุมกันและได้หยิบยกประเด็นการประชา สัมพันธุ์องค์กรเหมือนกันโดยที่ประชุมเห็นว่าควรจัดทำเอกสารคู่มือแนะนำและ ประชาสัมพันธ์องค์กรเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักสมาคมม้งอย่างที่สมาคมม้งเป็น อยู่ เพื่อปรับความคาดหวังและความเข้าใจที่พึงมีต่อสมาคมม้ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากกว่า

ดังนั้น ผมอยากเรียนทุกท่านในที่นี้ว่า สมาคมม้ง จะจัดทำเอกสารคู่มือแนะนำสมาคมม้งออกเผยแพร่เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักสมาคม ม้งเพิ่มเติมมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะได้ปรับความคาดหวังและไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงความคาดหวัง ซึ่งกันและกันต่อไป

แต่ก่อนที่เอกสารดังกล่าวจะออกมา ผมก็ขอตอบสนองต่อความคิดเห็น หรือเสียงบ่นของคุณจิรินดาเป็นการส่วนตัว

ต่อความคิดเห็นที่อ้างโยงมาจากของพี่จรัส... ที่เปรียบระหว่างสมาคมม้งกับรัฐบาล ... และการคาดหวังต่างๆจากสมาคมม้ง...สำหรับผมแล้วคิดว่าที่พี่จรัสว่ามานั้น เป็นการสะท้อนที่มองสมาคมม้ง และองค์กรต่างๆในรูปแบบเดียวกันนี้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว เป็นการมองแบบฟันธงได้อย่างแม่นยำมาก ตรงนี้อาจทำให้คุณจิรินดาผิดหวังในตัวสมาคมม้ง โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าจำเป็นที่ต้องย้ำว่าเป็นเช่นนี้จริง แต่ไม่รู้จะหาคำอธิบายไหนให้ทุกคนเข้าใจสมาคมม้งอย่างที่สมาคมม้งเป็นอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับว่าเข้าใจสมาคมม้งถูกหรือผิด และไม่ให้ความเข้าใจที่มีต่อสมาคมม้งมาเป็นตัวบั่นเทาความคิดและความหวังที่ ตนเองมีอยู่ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก อาจต้องใช้หลายความคิด หลายเวลา หลายวิธีการ เพื่อสร้างสรรค์ความคาดหวังร่วมแต่ไม่กระทบกับความคาดหวังที่แตกต่างกัน นั่นก็คือว่าหากท่านคาดหวังสมาคมม้งที่ 10 ส่วน แต่สมาคมม้งมีแค่ 4 ส่วน ที่เหลือ 6 ส่วน ท่านไม่ต้องทิ้งไป แต่ท่านยังเก็บรักษาต่อไปและพยายามหาแนวทางอื่นโดยอาจร่วมกับคนอื่นที่มี ความคาดหวังเหมือนกับท่านในบางส่วนแล้วสร้างความคาดหวังของท่านต่อให้เกิด ขึ้นจริง ซึ่งอย่างน้อยสมาคมม้งก็สามารถช่วยแบ่งเบาท่านไปแล้ว 4 ส่วน อยากเรียนจากใจจริงตรงนี้ว่าถึงแม้สมาคมม้งจะตอบสนองได้เพียง 4 ส่วน แต่สมาคมม้งยังมีสมาชิก เครือข่าย และหน่วยงาน องค์กร ตลอดจนบุคคลอื่นๆ อีกมากที่สามารถเข้าถึงความคาดหวังของคุณ และจะสามารถร่วมมือกับคุณทำในสิ่งที่คาดหวังอีก 6 ส่วนที่เหลือ ทั้งนี้โดยอาจใช้สมาคมม้งเป็นเครื่องมือ หรือเป็นสื่อกลางเพื่อต่อยอดความคาดหวังของคุณให้เกิดขึ้นจริง นี่แหละ "สมาคม"

แต่หากเมื่อใดก็ตามที่คุณผิดหวังตั้ง 6 ส่วน คุณเลยไม่สานต่อความหวังของคุณ และรู้สึกผิดหวังโดยมองข้าม 4 ส่วนเพราะเป็นส่วนน้อย ดังนี้เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

สมาคม คือองค์กรเพื่อสังคมภาคเอกชน (นิติบุคคล) หนึ่งที่สมาชิกขององค์กรนำความคิด อุดมการณ์ต่างๆ หรือปัจจัยอื่น (รวม ถึงเงินด้วย) มาลงทุนร่วมกัน และร่วมมือกัน หรือมอบหมายให้คนอื่นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อสังคม เมื่อบรรลุในวัตถุประสงค์นั้นแล้ว ก็ถือว่าบรรลุร่วมกัน และหากจะทำอะไรต่อไปก็จะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบใหม่นั้น ซึ่งหากตกลงใจว่าจะทำก็จะต้องชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์อะไร วัตถุประสงค์ใหม่นี้ก็จะเป็นตัวตั้งของการดำเนินการต่อไปของสมาคม หรือพูดง่ายๆ ก็คือ สมาคม คือศูนย์รวมทางความคิด อุดมการณ์ เงินทุน (เงินบริจาค) และความร่วมมือของบรรดาสมาชิก และบุคคลทั่วไปในการแก้ไขและพัฒนาสังคม หรืออย่างที่พี่จรัสใช้คำหนึ่งว่า สมาคม คือ ห้องสมุด แต่ห้องสมุดนี้อาจมีหนังสือน้อยไปหน่อย อาจไม่มีข้อมูลความรู้ที่ผู้ใช้ห้องสมุดต้องการ แต่ผู้ใช้ห้องสมุดก็ไม่ควรหยุดความตั้งใจของตนเองที่จะแสวงหาความรู้ต่อไป ผู้ใช้ห้องสมุดต้องมีความรู้ที่มากกว่าห้องสมุด นี่จึงบรรลุถึงความเป็นห้องสมุดโดยแท้จริง

ดั่งนี้แล้ว อยากหนุนใจคุณจิรินดา ว่าแม้นจะผิดหวังกับสมาคมม้งบ้าง ก็อย่าให้ความผิดหวังนี้บั่นเทาความมุ่งมั่นของคุณ เท่าที่คุณว่ามา ก็แสดงว่าคุณเองก็มีประสบการณ์ในการทำงานเพื่อสังคมมาอย่างมากมายที่ไม่แตก ต่างไปจากคนทำงานเพื่อสังคมในสมาคมม้งด้วยเช่นกัน

อยากชวนคิดต่อจากคุณจิรินดา ถึงพัฒนาการและการเติบโตของชมรมม้งกรุงเทพฯ ว่าสมควรให้ความชื่นชมถึงความเปลี่ยนแปลงและความเติบโตของชมรมม้งกรุงเทพฯ ผมคิดว่าถ้าเรามาย้อนดูประวัติการก่อตั้งชมรมม้งกรุงเทพฯ จะพบว่าคนก่อตั้งชมรมม้งกรุงเทพฯ ก็ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หายไปไหน หลายคนก็มาเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมม้งด้วย ทำให้สมาคมม้งมีความรู้สึกผูกพันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชมรมม้ง กรุงเทพฯ มาแต่ไหนแต่ไร เราไม่เคยปฏิเสธชมรมม้งกรุงเทพฯ ที่พูดเช่นนี้เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ด้วยในสมัยก่อตั้งชมรมม้งกรุงเทพฯ และบังเอิญผมก็อยู่ด้วยในคราวก่อตั้งสมาคมม้ง ผมจึงรู้และยืนยันได้ว่าคนที่ก่อตั้งชมรมม้งกรุงเทพฯ กับคนที่ก่อตั้งสมาคมม้ง เป็นคนกลุ่มเดียวกัน ความคิดเดียวกัน อุดมการณ์เดียวกัน ในเวลาต่อมาเมื่อชมรมม้งกรุงเทพฯ เติบโตและผ่านการบริหารโดยคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเราก็ชื่นชมยินดีกับชมรมม้งกรุงเทพฯ เสมอมา ยิ่งเมื่อรู้ว่าในยุคที่คุณจิรินดา เป็นประธานชมรมม้งกรุงเทพฯ ทำให้ชมรมม้งกรุงเทพฯ เติบโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง พวกเราก็ยังชื่นชมยินดีด้วย ชมรมม้งกรุงเทพฯ เป็นองค์กรต้นแบบหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิง(ม้ง)ก็มีศักยภาพเป็นผู้นำ องค์กรได้ เป็นการช่วยเสริมสร้างและพัฒนาบทบาทสตรีม้งโดยตรงและโดยอ้อม ทำให้การลงทุนที่พวกเรา (รุ่นเก่าแก่) มีกับชมรมม้งกรุงเทพฯ ไม่สูญเปล่า และทุกวันนี้ภาพของชมรมม้งกรุงเทพฯ ก็โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ พวกเรามีความดีใจอย่างหนึ่งว่า ถึงแม้ไม่มีใครชื่นชมสมาคมม้ง แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนชื่นชมชมรมม้งกรุงเทพฯ ซึ่งก็เกิดจากพวกเรามีส่วนร่วมด้วย ชมรมม้งกรุงเทพฯ ไม่ได้ทำให้พวกเราผิดหวังอะไร แถมยังทำอะไรต่อมิอะไรได้มากเกินกว่าที่พวกเราคาดหวังซะอีก

เรื่องเกี่ยวกับผู้นำนั้น เห็นด้วยกับเสียงบ่นของคุณจิรินดา ผมเองก็อาจไม่มีคุณสมบัติความเป็นผู้นำที่มากพอที่จะเป็นผู้นำองค์กรอย่าง สมาคมม้งได้ แต่สมาคมม้งเองก็ยังอยู่ที่นี่ อาจสักวันหนึ่งพวกเราคงได้ผู้นำองค์กรที่มีความพร้อมทุกด้านที่มากกว่า และนำพาองค์กรให้เติบโตได้มากกว่านี้ นั่นก็เป็นความหวังหนึ่งของผมเหมือนกัน แต่หากมองจากประสบการณ์ของผมแล้ว แม้นตัวผู้นำจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรแต่ก็ยังมีองค์ประกอบอื่นอีกมาก มายที่เราเองก็อาจคาดไม่ถึง ดังนั้นถึงแม้นว่าเราจะได้ตัวผู้นำองค์กรที่ดี ก็อาจต้องพบกับความผิดหวังอีกก็ได้ อันนี้มีคนเคยเปรียบเปรยว่า คนที่เก่งๆ ดีๆ เขาไม่มาเสียเวลาอยู่กับสมาคมม้งหรอก เขาก็ไปทำงาน ทำธุรกิจของเขาจะดีกว่า ซึ่งก็อาจจริง คนที่มีศักยภาพจึงไม่อยากมาเป็นผู้นำองค์กรสมาคมม้ง

เรื่องเดียวกันนี้ ในแนวคิดของคนทำงานพัฒนาแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นผู้นำได้ ทุกคนล้วนมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวเอง เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เขาสามารถนำเอาความเป็นผู้นำของเขาออกมาใช้ให้ เกิดประโยชน์ต่อตัวเขาเองและสังคมได้ ถ้าคิดอย่างนี้แล้วก็คงหมายความได้ว่า ทุกคนในสมาคมม้งล้วนเป็นผู้นำองค์กร นี่ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าสมาคมม้งจะไม่มีวันขาดแคลนผู้นำ และทุกคนก็กำลังนำองค์กรสมาคมม้งอยู่ หากดูจากโครงสร้างองค์กรจะเห็นว่าอำนาจสูงสุดของสมาคมม้งอยู่ที่การประชุม ของสมาชิกสมาคมม้ง ไม่ได้อยู่ที่คณะกรรมการบริหาร หรือผู้อำนวยการ หรือเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ ผู้อำนวยการ หรือเจ้าหน้าที่ก็ล้วนแต่เป็นตัวแทน หรือกลไก เครื่องมือที่มาทำงานแทนสมาชิกทั้งนั้น ไม่มีใครทำอะไรโดยพละการเองได้ และทุกคนต้องกลับไปเริ่มต้นและสิ้นสุดในที่ประชุมใหญ่สมาชิกทั้งนั้น ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการปัดสวะเรื่องให้พ้นตัว หรือไปโทษสมาชิก แต่ก็ยังเห็นว่าผมเองไม่ว่าจะมองจะมุมมองใดก็มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบเหล่า นี้ได้ เพราะผมเองก็ทำได้เพียงบางอย่างอีกหลายอย่างก็ทำเองไม่ได้ต้องพึ่งพาคนอื่น มาช่วยเหลือด้วย

เกี่ยวกับการขับเคลื่อนพลวัตรทางสังคมนั้น ไม่อยากให้เรายืนอยู่ที่ปากหลุมของความเป็นองค์กรอย่างเช่นสมาคมม้ง หรือองค์หนึ่งองค์กรใด มิเช่นนั้นเราก็อาจจะตกลงไปในหลุมของความเป็นองค์กร ทำให้มองข้ามเป้าหมายและภารกิจของเราไป หากเราตกลงไปในหลุมแห่งการเป็นองค์กรหรือสถาบันนิยม ก็คงขึ้นจากหลุมเหล่านี้ยาก การทำงานกับสังคมแบบนี้เหมือนกับการปิดทองหลังพระ ผู้คนหรือสังคมอาจมองไม่เห็นความดีงามของเรา และเราเองก็ไม่ต้องการให้การเห็นหรือไม่เห็นเป็นปัจจัยจูงใจการทำงานของเรา ไม่ใช่ไม่แคร์ความรู้สึกของคุณจิรินดา และคนอื่นๆ ที่หวังดีต่อสมาคมม้ง เราต้องขอบคุณทุกความห่วงใยและความปราถนาดีต่อสมาคมม้ง แต่เราไม่อาจวนเวียนอยู่ที่ปากหลุมเช่นว่านั้น เพราะว่าวัตถุประสงค์และเป้าหมายของเราอยู่ที่การพัฒนาสังคมมากกว่าการ พัฒนาตัวองค์กรหรือความอยู่รอดขององค์กร

ความจริงแล้วเสียงบ่นของคุณจิรินดา ก็ทำให้พวกเราแอบดีใจด้วยซ้ำไปว่า ยังมีผู้คนให้ความสนใจสมาคมม้ง ทั้งๆ ที่บอกว่ารู้จักสมาคมม้งน้อย ถ้ามองแบบนักประเมินผล สมาคมม้งก็น่าจะได้คะแนนบวกมากกว่าลบ เช่นนี้แล้วคุณจิรินดา ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหรอก

ยงยุทธ

ไม่มีความคิดเห็น: